รถไฟการขนส่งในประเทศอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของคนไทย

หากใครกำลังมองหาทางเลือกในการขนส่งที่ประหยัดแนะนำให้เลือกการขนส่งทางด้านรถไฟที่มีอัตราการขนส่งที่น้อย อีกทั้งยังช่วยลดมลพิษให้กับโลกน้อยกว่าการขนส่งทางรถ แต่การขนส่งทางรถไฟนั้น โดยส่วนมากจะเป็นสิ้นค้าประเภทที่มีน้ำหนักมากมูลค้าไม่สูง ถ้าเทียมน้ำหนักแล้วกับการขนส่งทางอื่นถือว่าทางเลือกของรถไฟเหมาะสมกว่า ยกตัวอย่าง สิ้นค้าที่ขนส่งทางรถไฟ ข้าว , ถ่านหิน , ปูน , ปิโตรเลียม เป็นต้น การขนส่งทางรถไฟมีให้เลือกหลายประเภท เช่นรถตู้บรรทุกสิ้นค้า รถไฟบรรทุกน้ำมันแก๊ส สุดท้ายการขนส่งโดยผ่านการบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ถ้าเป็นการเดินทางในประเทศโดยสิ้นทางไกล ส่วนมากนิยมการขนส่งทางรถไฟ แต่ข้อเสียของการขนส่งรถไฟก็ คือ เรื่องขอเวลา ที่ต้องมีการเปลี่ยนราง และขบวนตู้รถไฟที่มีจำกัด บางครั้งไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประเทศไทยมีทางรถไฟ ยาวถึง 4,180 กิโลเมตร ซึ่งมีการเชื่อมต่อกับ 46 จังหวัดทั่วประเทศ โดยวิ่งจากเหนือถึงใต้ จากเชียงใหม่ ไปจนถึงสิ้นสุดที่ภาคใต้จังหวัดนราธิวาส  หลักๆของทางรถไฟมีอยู่ 3 ประเภท  ทางคู่ ทางเดียว และทางสาม ทางเดียวเป็นเส้นทางที่มีความยาวที่สุด ระยะทางถึง 3,901 กิโลเมตร ความยาวของเส้นทางทั้งหมดคิดเป็น 93 ของความยาวของเส้นทาง ทางคู่เป็นทางที่มีความยาวน้อยรองลงมาจากทางเดียวโดยคิดเป็นระยะทางถึง 220 กิโลเมตร คิดเป็นความยาวของเส้นทางทั้งหมดคือ 5.3 ทางที่สามซึ่งจะมีความยาวน้อยที่สุดเพราะไม่ได้ใช้งานมากมีระยะทาง 59 กิโลเมตร หรือคิดเป็นเส้นทางทั้งหมด 1.4 …

ก้าวทันการขนส่งทางเรือของประเทศไทย

สำหรับประเทศไทยแล้วการขนส่งทางเรือเป็นทางเลือกอันดับต้นๆของการคนส่งสิ้นค้าออกนอกประเทศ ด้วยเหตุผลที่ว่าการขนส่งทางเรือสามารถที่จะขนครั้งละมากๆ มีต้นทุนที่ต่ำ ประเทศไทยถ้าวัดการขนส่งทางเรือกับทั่วโลกแล้วอยู่ในอันดับที่ 22 ปริมาณการเดินเรือสิ้นค้ามีจำนวนถึง 4,200 ล้านตัน ต่อปี คิดเป็นมูลค่าการส่งออกการค้าโลกถึง 20 % จากการสำรวจของเรือคอนเทนเนอร์ที่เข้ามาเทียบท่าที่ประเทศไทยต่อปีถึง 5,900,000 ตู้คอนเทนเนอร์  โดยมีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยคือ ท่าเรือแหลมฉบังเป็นที่หลักในการขนส่งสิ้นค้า จำนวนเรือที่เทียบท่าปีละ 10,526 ลำมีการขนส่งสิ้นค้าถึง 80 ล้านเมตริกตัน ซึ่งหลักๆเป็นการขนส่งรถหลานแสนคัน ทางเรือขนส่งของสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลโดยอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก ซึ่งมีการพัฒนาทางเรือแคลง หรือ Port Klang ประเทศที่เป็นทางผ่านของศูนย์กลางการเดินของที่น่าสนใจอีกหนึ่งประเทศก็คือ มาเลเซีย โดยมีทางเรือแคลงเป็นทางเรื่องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เปิดรับเรือขนส่งคอนเทนเนอร์ และสิ้นค้าต่างๆที่ทำการขนส่งทางเรือทั้งหมดจากเหตุผลนี้ทำให้ทางเรือนี้ติดอยู่ในอันดับที่  14 ของโลก ในเวลา 20 ปี ตู้คอนเทนเนอร์ที่เข้าออกทางเรือนี้มีจำนวนถึง 10 ล้านตู้ต่อปี ทำให้ประชากรของประเทศมาเลเชียมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ซึ่งประเทศไทยก็ได้ประโยชน์จากการขนส่งของสองประเทศนี้ โดยประเทศไทยไม่ต้องเสียค่าบริหารจัดการส่งถึง 90 % ลดความสูญเสียด้านการขนส่งถึง 2.6ล้านบาท

ประเภทของตู้คอนเทนเนอร์ และข้อดีของการขนส่งทางตู้

ตู้คอนเทนเนอร์ Durable Packing มีวัสดุที่ทำมาจากเหล็ก หรืออลูมิเนียม มีขนาด 20 – 40 ฟุต โดยการขนส่งทางตู้จัดเป็นการขนส่งที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยสูงที่สำคัญยังมีค่าใช้จ่ายต้นทุนในการส่งที่น้อยแต่สามารถที่จะส่งได้ที่ครั้งละมากๆ หลักๆการส่งด้วยตู้จะทำได้หลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นทางเรือที่ขนส่งได้ครั้งละมาก หรือรถไฟเมื่อไม่ได้ส่งข้ามประเทศ อีกช่องทางคือการขนส่งทางรถพ่วงโดยจะเป็นการขนส่งผ่านตัวเมืองในระยะที่ไม่ไกลมาก ลักษณะของ ตู้คอนเทนเนอร์ที่ได้มาตรฐานต้องมีโครงสร้างภายนอกที่แข็งแรง เพราะการขนส่งทางเรือนั้นต้องนำตู้มาเรียงซ้อนกันหลายๆชั้น จึงจะยึดแต่ละตู้ติดกัน ตัวตู้คอนเทนเนอร์จะมีหมายเลขบอกถึงความหนักของตู้กับความจุสูงสุดและประเภทของที่อยู่ในตู้ ซึ่งตู้จะมีประตูสองบาน เหลักจากใส่ของในตู้หมดแล้วจะมี Plastic ล็อกที่ประตู้อีกที ประเภทของตู้สิ้นค้าแบ่งออกได้ดังนี้ – Flat-rack เป็นตู้ที่มีความราบเรียบที่มีขนาดกว้างยาวตาม ไซส์ ของตู้คอนเทนเนอร์ มองภายนอกจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ แตกต่างตรงที่จะมีพื้นที่พิเศษ เช่น รถแทรกเตอร์ , ประติมากรรม , แท่งหิน , เครื่องจักรเป็นต้น โดยการขนส่งของหนักแบบนี้ต้องอาศัยเรื่อง Coventional Ship   – Open Top เป็นตู้ที่มีขนาดใหญ่ ที่ไม่มีหลังคาเพราะต้องว่างสินค้าขนาดใหญ่ สิ้นค้าประเภทนี้ส่วนใหญ่ประเป็นรถหรือเครื่องจักรที่มีขนาดใหญ่ ไม่สามารถที่จะเข้าผ่านประตูได้ต้องอาศัยการยกวางจากด้านบน     – Garment Container ตู้คอนเทนเนอร์รูปแบบนี้จะมีการออกแบบมาไว้สำหรับขนส่งเสื้อภาพโดยเฉพาะ เพราะได้ออกแบบให้มีราวแขวนเสื้อ จะเป็นสิ้นค้าประเภทเสื้อเครื่องแต่งกายตามแฟชั่น เป็นต้น   …