การเดินหน้าจัดระเบียบผู้ขับขี่รถตู้โดยสารสาธารณะของไทย

‘กรมการขนส่งทางบก’ ลุยพร้อมยกระดับการให้บริการด้วยรถสาธารณะให้มีความปลอดภัย !! เชื่อมโยงเข้าด้วยกันทุกการเดินทาง เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มได้อย่างทั่วถึง เดินหน้าจัดระเบียบ เพื่อการเดินทางของคนไทย วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 นาย จตุจักร นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ออกมากล่าวถึงการยกระดับการให้บริการ รถยนต์สาธารณะให้มีความปลอดภัย ด้วยการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย ในการควบคุมพร้อมกำกับดูแล เพิ่มประสิทธิภาพเชื่อมต่อทุกการเดินทางให้เป็นไปอย่างสะดวก พร้อมส่งเสริมให้ประชาชน ใช้บริการรถสาธารณะได้อย่างปลอดภัยอีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งปรับพฤติกรรมของประชาชน ให้มาใช้บริการรถสาธารณะกันมากขึ้น ทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุ , ลดการจราจรอันติดขัด , ลดเวลาเดินทาง ให้เกิดประโยชน์โดยรวมต่อประเทศ โดยนโยบายของกระทรวงคมนาคม คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งให้บริการด้านคมนาคมขนส่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ , สังคม รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้พัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ , สะดวก , รวดเร็ว , ปลอดภัย และได้มาตรฐาน ในทุกการเดินทาง มุ่งเน้นการสร้างระบบขนส่งสาธารณะแบบ Feeder รวมทั้งการกำหนดนโยบายใช้รถโดยสารขนาดเล็กแทนรถตู้โดยสารประจำทาง เพื่อเป้าหมาย คือ ความปลอดภัยและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในระยะยาวอย่างยั่งยืน , การติดตั้งระบบ GPS Tracking  , กล้องบันทึกภาพในรถแบบ Snap …

กรมการขนส่งทางบก ผุดโครงการปลูกจิตสำนึกความปลอดภัย

กรมการขนส่ง

กรมการขนส่งทางบกแห่งประเทศ มุ่งเสริมสร้างจิตสำนึกขับขี่จักรยานยนตร์อย่างปลอดภัย ให้แก่ประชาชน และปลูกฝังวินัยจราจรให้แก่เยาวชนระดับประถมศึกษา โดยมีชื่อโครงการว่า ‘โครงการสนามจราจรเสริมสร้างจิตสำนึกความปลอดภัย’ มีจุดประสงค์มุ่งเน้นให้ความรู้ – ความเข้าใจในกฎจราจร รวมทั้งการใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อนำไปสู่การลดอุบัติเหตุ จุดมุ่งหมายในปี พ.ศ. 2561 คือ ต้องมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 49,000 คนจากทั่วประเทศ กรมการขนส่งทางบก เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเสริมสร้างจิตสำนึก เพื่อสร้างมีวินัยรวมทั้งการปฏิบัติตามกฎจราจร อย่างเคร่งครัด รวมทั้งเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้แก่เยาวชน ด้วยการจัดกิจกรรมให้ความรู้ที่ถูกต้องในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นการส่งข่าวสารความรู้ให้แก่กลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ทั่วประเทศ โดยการดำเนินงานในครั้งนี้ มีการดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา หน้าที่นี้มอบให้แก่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร 1 – 5 ตลอดจนสำนักงานขนส่งทั่วประเทศ มุ่งเน้นให้ความรู้ ให้เด็กวัยเรียนทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ได้มีความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับกฎจราจร , เครื่องหมายต่างๆ ตลอดจนขั้นตอนใช้รถ – ใช้ถนนอย่างถูกต้องปลอดภัย รวมทั้งการวางรากฐานทางจิตสำนึก และให้ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ของรถจักรยานยนตร์ , ความรู้เกี่ยวกับหมวกนิรภัยและวิธีสวมใส่อย่างถูกต้อง , วิธีตรวจสอบสภาพจักรยานยนตร์ก่อนใช้งาน , เครื่องหมายจราจรรวมทั้งเทคนิคขับขี่อย่างปลอดภัย นอกเหนือไปจากองค์ความรู้ทางวิชาการแล้ว ก็ตามด้วยขั้นตอนฝึกภาคสนาม ในสนามจราจรจำลองในสถานการณ์ต่างๆอันแตกต่างกัน เช่น …

ขนส่งสิ่งของทางรถทัวร์เป็นอย่างไรมีข้อดีอย่างไร

ปัจจุบันธุรกิจหนึ่งที่มีการแข่งขันกันสูงมากนั่นคือ ธุรกิจขนส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นทางใกล้หรือไกล มีทั้งบริการของทางภาครัฐและเอกชนเข้ามาแข่งขันเต็มไปหมด อีกหนึ่งเจ้าที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยนั่นคือ บขส. นอกจากจะส่งคนแล้ว ของพวกเค้าก็ส่งด้วยเหมือนกัน รวมถึงพวกรถทัวร์ร่วมทั้งหลายด้วย เรามาดูกันว่าขนส่งทางรถทัวร์มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ข้อดีของการขนส่งทางรถทัวร์ มาว่ากันที่ข้อดีของการขนส่งทางรถทัวร์กันก่อน อย่างแรกเลยต้องยอมรับว่าหากเป็นการขนส่งเส้นทางไกล รถทัวร์จะไปได้ไกลแล้วเร็วที่สุด เช่น หากเราต้องส่งของจากกรุงเทพไปยังจังหวัดตราดภายในคืนเดียว เชื่อว่าไปรษณีย์ทำให้เราไม่ได้แน่นอน แต่บขส.ทำได้ เนื่องจากเค้ามีรถทัวร์เดินทางไปจังหวัดนั้นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าของนั้นจำเป็นต้องใช้ในเวลาเร่งด่วนด้วย ส่งผ่าน บขส. เป็นตัวเลือกที่น่าจะทำเวลาได้เร็วที่สุด(ในกรณีที่ปลายทางไม่มีสนามบิน) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งเห็นได้นั่นคือ เราสามารถส่งของที่มีขนาดใหญ่กว่ากล่องพัสดุได้เช่น ถุงผ้าที่ใส่กระสอบข้าว สิ่งของในถุงปุ๋ย ถังแกลลอน หรือ ถังไฟเบอร์ ของพวกนี้เราอาจจะส่งผ่านทางไปรษณีย์ได้ก็จริงแต่อาจจะต้องไปบรรจุหีบห่อใหม่ เสียเวลาและขั้นตอนเยอะ กลับกันหากใช้ บขส. เค้าตรวจเช็คว่าไม่ใช่สิ่งของผิดกฎหมาย ก็จบเลย ขึ้นรถไปรอรับปลายทางได้เลย เหมาะสำหรับขนส่งสินค้าที่ไม่แตกหักง่ายในปริมาณมากเพื่อประหยัดต้นทุนขนส่ง แต่กล่องพัสดุธรรมดา หรือ ซองเอกสาร เค้าก็รับส่งเช่นกันนะ ข้อเสียของการขนส่งทางรถทัวร์ ต่อจากข้อดี มาดูข้อเสียของการขนส่งทางรถทัวร์กันบ้าง บอกก่อนว่ามีหลายข้อทีเดียว เริ่มจากเราไม่สามารถเช็คได้ว่าสิ่งของนั้นอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว ไม่มีการเช็คเลขแทรคสินค้าเหมือนไปรษณีย์ (แต่เชื่อว่าอนาคตน่าจะมี) สองการรับสิ่งของผู้รับจะต้องไปติดต่อที่ บขส. หรือ บริษัททัวร์ ปลายทางด้วยตัวเอง จะไม่มีบริการส่งถึงมือผู้รับ หรือ ถึงหน้าบ้านผู้รับแบบไปรษณีย์ ซึ่งหากผู้รับอยู่แถวขนส่งก็จะไม่ลำบากเท่าไร แต่หากอยู่ไกลจากขนส่งงานนี้อาจจะลำบากผู้รับหน้าต้องหารถมารับสินค้าอีก สามความรับผิดชอบในสินค้ามีน้อย …